รั้ว หรือกำแพงบ้านนั้นเป็นส่วนกั้นขอบเขตของความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย การออกแบบรั้วบ้านแต่ละหลังอาจให้รูปลักษณ์ สีสัน ที่แตกต่างกันออกไป และหากเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่มีการควบคุมเรื่องความปลอดภัยที่ดี หรืออยู่อาศัยในชุมชนที่ไม่ค่อยมีข่าวโจรกรรมมากนัก การเลือกรั้วบ้านที่จะนำมาใช้กับบ้านแต่ละหลังนั้นจะเน้นความปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความสวยงามด้านภูมิทัศน์โดยรวมของชุมชนนั้น ๆอีกด้วย

แต่ทว่าสร้างบ้านไว้ในพื้นที่ชุมชนที่ดูแล้วไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก มักจะนิยมออกแบบให้มีลักษณะทึบและสูง เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวและมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่การออกแบบทั้งหมดทั้งมวลนี้ จึงจำเป็นต้องอยู่ในกรอบของข้อกฎหมาย เพื่อไม่ให้รั้วบ้านของเรานั้นไปส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของเพื่อนบ้านใกล้เคียงกัน แล้วรายละเอียดมีอะไรกันบ้างตามมาดูกัน
หากกรณีบ้านอยู่แปลงหัวมุมติดถนนสาธารณะ รั้วหรือกำแพงกั้นควรมีความกว้าง 3 เมตรขึ้นไป และมีมุมหักน้อยกว่า 135 องศา ต้องปาดมุมรั้วหรือกำแพงกั้น โดยให้ส่วนที่ปาดมุมมีระยะไม่น้อยกว่า 4 เมตร และทำมุมกับแนวถนนสาธารณะเป็นมุมเท่า ๆ กัน
กฏหมายข้อนี้ออกมาเพื่อให้เกิดการใช้ทางร่วม สามารถเลี้ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเจ้าของที่ดินต้องเสียสละให้ชุมชนในการใช้งานแต่ที่ดินยังคงเป็นเจ้าของต่อไป จะว่าไปแล้วเจ้าของที่ดินก็ไม่ได้เสียเปรียบหรอก อยู่อาศัยแปลงหัวมุม ได้ใช้ถนนถึง 2 ด้าน ได้เปรียบกว่าบ้านอื่นเยอะเลยเลย

รั้วหรือกำแพงบ้าน ให้มีความสูงได้ไม่เกิน 3 เมตร โดยนับจากระดับทางเท้าหรือถนนสาธารณะ โดยจะใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวทั้งด้านหน้า ด้านข้างและหลังบ้าน แต่ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้ว รั้ว 3 เมตรนับว่าสูงมาก หากสูงมากไปบ้านจะดูอึดอัด อากาศไม่ถ่ายเทได้เช่นกัน

รั้วบ้านที่ดีเป็นอย่างไร

รั้วบ้านที่ดี ควรออกแบบให้โปร่ง ไม่ทึบจนเกินไป ให้ลมสามารถพัดผ่านเข้ามาได้ หลายท่านอาจเข้าใจว่าการออกแบบรั้วบ้านให้สูงทึบนั้นจะปลอดภัยจากการโจรกรรม แต่ในอีกมุมหนึ่งของรั้วทึบ เมื่อโจรปีนป่ายเข้าไปได้สำเร็จแล้ว รั้วที่เคยเป็นส่วนกั้นจะกลายเป็นจุดซ่อนตัว ช่วยให้โจรทำงานได้สะดวกขึ้น การมีเพื่อนบ้านไว้เป็นมิตรคอยสอดส่องดูแลให้แก่กันนับเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ หรือการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกัน เช่น สัญญาณนิรภัย, กล้องวงจรปิด และอุปกรณ์อื่น ๆ ช่วยป้องกันได้ดีกว่ารั้วที่สูงทึบ แต่หากเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้รั้วทึบ แนะนำให้ทำรั้วต้นไม้แซมไว้ จะช่วยให้รั้วบ้านดูผ่อนคลาย ไม่อึดอัดจนเกินไป ต้นไม้ที่ได้รับความนิยม เช่น ต้นโมก, ไทรเกาหลี, คริสติน่า, ชาฮกเกี้ยน หรือไผ่เป็นต้น

คำถามที่พบบ่อยกฎหมายรั้วบ้าน

ถาม : แปลงที่ดินติดกับเพื่อนบ้าน สามารถใช้ที่ดินร่วมกันได้ไหม ?
กรณีรั้วติดกับที่ดินเพื่อนบ้าน สามารถสร้างรั้วโดยใช้ที่ดินร่วมกันได้ อาจทำรั้วคร่อมหมุดโฉนดไว้ เจ้าของทั้ง 2 หลังจะมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หรือแม้แต่กรณีที่เราเป็นผู้มาอยู่หลัง หากเจ้าของที่ดินข้างเคียงสร้างรั้วบนที่ดินร่วมกันแล้ว ผู้เข้ามาอยู่ใหม่ก็สามารถใช้รั้วเดิมได้ทันที ยกเว้นจะไม่ถูกใจในรูปแบบรั้ว อาจนำแบบใหม่เข้าไปพูดคุยกับเจ้าของรั้วเดิมเพื่อการปรับเปลี่ยน แต่ในทางปฏิบัติแล้วผู้เข้ามาอยู่ใหม่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดครับ มิเช่นนั้นก็ใช้รั้วเดิมต่อไป หรือทำรั้วใหม่บนที่ดินของผู้มาอยู่ใหม่เอง
ถาม : กรณีสร้างรั้วบนที่ดินตนเองทั้งหมด เพื่อนบ้านมีสิทธิ์ใช้ไหม ?
สิทธิของรั้วบ้านในกรณีสร้างบนที่ดินส่วนตัวทั้งหมด จะเป็นสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน 100% เพื่อนบ้านสามารถใช้งานได้ แต่ไม่สามารถกระทำการใด ๆ บนรั้วบ้านได้ หากเพื่อนบ้านไม่ชื่นชอบรั้วดังกล่าว แก้ไขปัญหาโดยสร้างรั้วใหม่บนที่ดินตนเอง
ถาม : สร้างรั้วหลังสร้างบ้าน ต้องขออนุญาตหรือไม่ ?
รั้วนับเป็นสิ่งปลูกสร้าง อาคาร กรณีรั้วหน้าบ้านติดถนนหรือที่ดินสาธารณะ ต้องทำการขออนุญาตครับ แต่หากเป็นรั้วข้างบ้าน ติดกับที่ดินเอกชน ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต
ถาม : กรณีที่ดินข้างรั้ว เป็นที่ดินสาธารณะ สร้างรั้วร่วมแบบที่ดินเอกชนได้ไหม ?
กรณีเป็นที่ดินสาธารณะ ไม่สามารถสร้างล้ำเขตได้ เจ้าของบ้านต้องสร้างไว้บนที่ดินตนเองเท่านั้นครับ รวมทั้งไม่ให้มีสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ยื่นออกมานอกรั้วด้วย

วัสดุตกแต่งผนัง (วัสดุปิดผนัง) สำหรับงานตกแต่งผนังภายใน

การตกแต่งบ้านให้สวยงาม เปรียบได้กับสาวๆชอบการแต่งหน้าก่อนออกไปพบปะผู้คน
องค์ประกอบที่ควรรู้และส่วนสำคัญคืออะไร

หากมองว่าเราต้องการตกแต่งบ้านให้สวยงามไม่ต้องอายใคร ตกแต่งส่วนผนังเรียกได้จุดมองที่สำคัญ
จากคนมาเยี่ยมเยือนเป็นจุดแรกเลยก็ว่าได้

ดังนั้นเรามาดูว่าเราจะเลือกวัสดุปิดผนังแบบไหนดี

เทคนิคการเลือกวัสดุปิดผนังภายในให้ตอบโจทย์คนพักอาศัย

1. เลือกจากการใช้งานเป็นหลัก
– ห้องนอน เราควรเลือกวัสดุปิดผนังที่เรียบง่าย สีเบาสบายตา ช่วยในการหลับพักผ่อน เช่นแผ่นยิปซั่ม วอลเปเปอร์ เป็นต้น
– ห้องนั่งเล่น เลือกวัสดุปิดผนังที่ควรมีลวดลาย มีเท็กเจอร์ ให้แลดูไม่น่าเบื่อ และควรมีความแข็งแรงทนทาน เช่น กระเบื้อง วอลเปเปอร์ สแตนเลสตกแต่งผนัง
– ห้องครัว ควรเลือกวัสดุตกแต่งผนังที่ง่ายต่อการทำความสะอาด ทนความร้อนได้ดี และควรมีผิวสัมผัสเย็น

2. เลือกสไตล์แบบที่ต้องการตกแต่ง
เราสามารถเลือกแบบตกแต่งผนังตามใจหรือสไตล์ที่เราคิดไว้ หรือหากมีผู้เชี่ยวชาญการตกแต่งแนะนำก็ลองตรวจสอบเรื่องงบและลวดลาย ความเหมาะสม ตกแต่ง ให้มีความ
กลมกลืน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การแมทซ์สีคุมโทนต่าง

3. เลือกจากความสะดวกสบาย ง่าย ประหยัดงบ
การตกแต่งผนังบ้าน หรือการรีโนเวทบ้านให้สวยเปลี่ยนโฉมห้องให้ดูน่าอยู่ ไม่จำเจ ก็อาจจะเลือกวัสดุปิดผนังแบบสำเร็จรูปที่มีให้เลือกตกแต่งมากมาย นอกจากง่ายแล้ว ยังจำกัดงบประมาณได้อีกด้วย

วัสดุปิดผนังแบบไหนดี
วัสดุปิดผนัง ตกแต่งผนังมีให้เลือก
– ซีเมนต์บอร์ด : ทนต่อทุกสภาพอากาศ ทำให้บ้านเย็นสบาย พื้นผิวเรียบสวย อายุใช้งาน 10-15 ปี
– ยิปซัมบอร์ด : วัสดุแต่งผนังมีน้ำหนักเบา ใช้งานง่าย ไม่มีรอยต่อ ไม่ร้อน สามารถทาสีทับเพิ่มความสวยงาม อายุการใช้งาน 10-15 ปี
– ไม้สังเคราะห์ : ตกแต่งผนังบ้านใช้ทดแทนไม้จริง หมดปัญหาเรื่องปลวกแมลงกินไม้ ผิวสัมผัสสวย ไม่มีเศษเสี้ยนไม้ การใช้งาน 10-15 ปี
– ไฟเบอร์ซีเมนต์ : แข็งแรงทนทาน ตกแต่งได้ตามความต้องการ อายุการใช้งาน 10-15 ปี
– ปูนเปลือย : มีแบบผสมเอง และผสมสำเร็จ เรียบง่าย แต่งบ้านได้หลากสไตล์ อายุการใช้งาน 10-20 ปี
– ไม้ : สวยโดดเด่น สีสันธรรมชาติ อายุการใช้งานหลายสิบปี การดูแลรักษาขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งาน
– วอลเปเปอร์ : ตกแต่งผนังสวยงาม ลวดลายมีให้เลือกได้หลากหลาย อายุการใช้งาน สิบปีขึ้นไป
– หินอ่อน : สวยพรีเมี่ยมจากธรรมชาติ อายุการใช้งานนานเกิน 20 ปี
– กระเบื้อง : มีลายให้เลือกใช้งานได้เยอะ ตอบโจทย์ ครอบคลุม ดูแลง่าย อายุการใช้งาน 30-40 ปี
– สแตนเลส สำหรับตกแต่ง : แข็งแรง ทนทาน ทำความสะอาดง่าย สีสวยไม่หลุดลอก อายุการใช้งาน มากกว่า 20 ปี

กระเบื้องลายหิน: วัสดุตกแต่งที่มีความงามและความทนทาน

กระเบื้องลายหินเป็นวัสดุตกแต่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากมีความงามและความทนทานสูง สามารถใช้ตกแต่งภายในและภายนอกอาคารได้

คุณสมบัติของกระเบื้องลายหิน

1. ความงาม: กระเบื้องลายหินมีลวดลายที่สวยงามและเหมือนกับหินธรรมชาติ
2. ความทนทาน: กระเบื้องลายหินสามารถทนต่อการกัดกร่อนจากน้ำและอากาศได้ดี
3. ความแข็งแรง: กระเบื้องลายหินมีความแข็งแรงสูง สามารถทนต่อแรงกดและแรงกระแทกได้ดี
4. การดูแลรักษา: กระเบื้องลายหินสามารถทำความสะอาดได้ง่ายและไม่ต้องการการดูแลรักษามากนัก

ประเภทของกระเบื้องลายหิน

1. กระเบื้องลายหินปู: มีลวดลายที่เหมือนกับหินปูธรรมชาติ
2. กระเบื้องลายหินแกรนิต: มีลวดลายที่เหมือนกับหินแกรนิตธรรมชาติ
3. กระเบื้องลายหินอ่อน: มีลวดลายที่เหมือนกับหินอ่อนธรรมชาติ

การใช้งานของกระเบื้องลายหิน

1. ตกแต่งภายใน: สามารถใช้ตกแต่งภายในอาคาร เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน
2. ตกแต่งภายนอก: สามารถใช้ตกแต่งภายนอกอาคาร เช่น พื้นระเบียง พื้นบ้าน
3. วัสดุสำหรับงานศิลปะ: สามารถใช้เป็นวัสดุสำหรับงานศิลปะและงานประติมากรรม

ข้อดีและข้อเสียของกระเบื้องลายหิน

ข้อดี:

– มีความงามและความทนทานสูง
– สามารถใช้ตกแต่งภายในและภายนอกอาคารได้
– การดูแลรักษาง่าย

ข้อเสีย:

– มีราคาสูงกว่าวัสดุอื่นๆ
– อาจมีการเปลี่ยนสีหรือเกิดรอยแตกเมื่อใช้งานเป็นเวลานาน

โดยรวมแล้ว กระเบื้องลายหินเป็นวัสดุตกแต่งที่มีคุณสมบัติเด่นและสามารถใช้งานได้ในหลายๆ ด้าน แต่ก็ควรพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของกระเบื้องลายหินก่อนตัดสินใจใช้งาน.